สวัสดีครับ วันนี้เราจะมาพูดกันถึงเรื่อง ตู้ขายน้ำ / สินค้าอัตโนมัติ กันครับ . . ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเราเนี่ย เราต้องมีสักครั้งแหละ ที่หยอดเหรียญเพื่อซื้อน้ำ หรือ เพื่อซื้อของจากตู้ และ ตู้ที่เราเห็นก็มักจะอยู่ตามจุดทางออกของห้าง หรืออยู่ในจุดที่สามารถซื้อได้สะดวกครับ ซึ่งในยุคแรกของตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ มักจะรองรับแค่เหรียญอย่างเดียว เพราะเทคโนโลยีในขณะนั้น คือการชั่งน้ำหนักเหรียญเอาครับ โดยเหรียญแต่ละเหรียญก็จะมีน้ำหนักจำเพาะแต่ละเหรียญครับ และต่อมาก็มีการพัฒนามาเป็นรองรับธนบัตร ต่อไปจนมาล่าสุดคือ QR Code ครับ
โดยชนิดของตู้ขายของอัตโนมัติ (แบ่งตามชนิดที่รับเงิน) ที่เราเห็นส่วนมาก จะมีอยู่ 3 แบบหลักๆ ครับ
- รับแต่เหรียญอย่างเดียว
- รับทั้งเหรียญและธนบัตร
- รับแต่ QR Code
แต่ถ้าแบ่งย่อยลงไปอีก ก็จะมี 2 แบบก็คือ
- ชนิดแบบโชว์สินค้าจริงให้ชม
- ชนิดแบบจอสัมผัสอย่างเดียว
แต่วันนี้ผมไปเจอ ตู้แบบใหม่ครับ อาจจะไม่ใหม่มาก คือตู้ขายของอัตโนมัติของทรู (Powered by WeMall) ครับ มันสามารถ
- ซื้อสินค้าผ่านกระเป๋าเงินทรูมันนี่วอลลเล็ท
- ซื้อสินค้าโดยหยอดเหรียญ/ธนบัตร
ถามว่ามันอัจฉริยะกว่าตู้ธรรมดายังไง ก็ตรงความสะดวกของมันเนี่ยแหละครับ ปกติเวลาเราจะซื้อเครื่องดื่มจากเจ้าเครื่องนี้ เรามักจะประสบปัญหาคือ ควานหาเหรียญ พลางถามเพื่อน มีเหรียญไหม? โชคร้าย นับเหรียญแล้วไม่พอ อดกินอีก หรือ มีช่องใส่ธนบัตร แต่พอใส่ไป ไม่รับสักใบ อีกเรื่องคือ มองไม่เห็นจอ touch screen เพราะแสงสว่างภายนอกสว่างเกินไป ฯลฯ
หลายปัญหาเหล่านี้เพื่อนๆ คงเคยเจอกันบ้างไม่มากก็น้อยครับ แต่สำหรับตู้นี้ผมเจอและชอบมาก เพราะมันรองรับการจ่ายเงินได้ ทั้งธนบัตร/เหรียญ และผ่านทรูมันนี่วอลเล็ท ครับ
ตู้นี้ผมไปเจอที่ เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ตรงประตูทางออกพอดี เห็นว่าเข้าท่าดี เลยจะมาลองรีวิวสั้นๆ ให้เพื่อนๆ ชมกันครับ
สังเกตุได้ว่า ตู้นี้มีทั้งระบบสัมผัส และ ระบบแสดงสินค้าจริงด้วย หลายคนคงประสบปัญหาคือ จอสัมผัสมันมองไม่เห็นเพราะตู้มันตั้งอยู่ในจุดที่สว่างมากๆ นั่นเอง
ผมยังสังเกตเพิ่มอีกว่า มีการร่วมกันพัฒนากับ WeMall ด้วย แสดงว่า ในอนาคตเราอาจจะสั่งสินค้าใน WeMall ผ่านตู้นี้ได้ด้วย สะดวกมากๆ ครับ
มาดูหน้าจอกันครับ มีอุณหภูมิขณะนั้นด้วย อุ๊ต๊ะ จะล้ำไปไหนเนี่ย
ถ้าสินค้าตัวไหนหมด ก็จะขึ้นว่า Sold Out แบบในรูปครับ ซึ่งดูเหมือนว่า สินค้าที่แสดงผลในจอทัชสกรีน จะมีเยอะกว่าที่โชว์ด้านล่างครับ
สินค้าไหนที่หมด จะมีไฟสีแดงเป็นรูปกากบาท แบบในรูป ขึ้นมาครับ
ทีนี้ผมจะลองซื้อกาแฟ กระป๋องนี้ดูครับ เป็นกาแฟที่ผมชอบกินมาก แต่หาซื้อยากไปหน่อย โดยแสดงราคาในตู้สินค้าจริงด้วย
ราคา 50 บาท ในจอก็มีแสดงผลด้วยครับ เลือกได้ทั้ง 2 ช่องทางจ่ายเงิน
ผมลองกดเลือกผ่านจอทัชสกรีนดูครับ สังเกตุว่าจะมีช่องบอกว่าตู้นี้เหลือเงินที่จะทอนได้ไม่เกิน 500 บาท
สามารถจ่ายด้วยเงินสดหรือ ทรูมันนี่ ก็ได้ครับ แต่ถ้าจ่ายด้วย TrueMoney เราก็ได้ TruePoint ด้วยเหมือนกัน หรือถ้าไม่มีธนบัตร ก็ใช้เหรียญได้นะ มีช่องใส่เหรียญด้วย
ผมเลือกที่จะจ่ายด้วย ทรูมันนี่วอลเล็ท แต่ทีนี้ปัญหามาแล้ว เงินในทรูมันนี่วอลเล็ทผมไม่พอ ทำไงดี . . . ก็เติมสิครับ ตู้นี้เติมเงินได้ . . สังเกตุได้ว่ามีเมนู Top-Up ขึ้นมาให้เราเลือกด้วย . . . กดเติมสิครับ รออะไร ! ! !
พอกดเมนู TOP-UP เข้าไปขั้นตอนแรก คือ . .
. . ใส่เบอร์โทรครับที่ต้องการเติม เบอร์ที่เป็นเบอร์ ทรูมันนี่วอลเล็ท นั่นแหละครับ
. . ใส่เสร็จก็กด Ok ไปยังขั้นตอนต่อไป
พอใส่เบอร์ทรูมันนี่วอลเล็ท เสร็จ ก็เลือกเลยครับ ว่าจะเติมเงินเท่าไหร่ มี 50 / 90 / 150 / 300 / 500 สูงสุดคือ 1,000 บาท
กรณีนี้ผมเติม 90 บาท ผมก็กดเลย 90 บาท เสร็จแล้วก็ใส่เงินเข้าไปเลย เติมเงินเสร็จ กดตรง TrueMoney Wallet เพื่อจ่ายได้เลยครับ กดตรงโลโก้ True Money ได้เลย
เราก็เอาแอป ทรูมันนี่วอลเล็ท แสกนเพื่อจ่ายได้เลยครับ โดยในการซื้อครั้งแรก เราต้องยืนยันก่อนผ่านระบบ OTP ด้วย SMS ครับ
หลังการสแกน QR Code นับ 1 2 3 ก็จะได้ยินเสียง กุ๊งๆ ในเครื่อง พร้อมสิ่งที่เราซื้อ เป็นอันจบการซื้อครับ . . .
สรุป : ตู้ของทรู (WeMall) ดีกว่ายังไง ?
1. ตัดปัญหาการไม่มีเหรียญหรือธนบัตร มาซื้อ
2. ตัดปัญหาเงินใน Wallet หมด หาที่เติมไม่ได้
3. หมดปัญหาเรื่องหน้าจอ เพราะถึงแม้จะมองจอไม่เห็น เราก็สามารถเลือกสินค้าจากปุ่มได้แบบตู้เดิมๆ
4. ซื้อแล้วได้ TruePoint ด้วย ซึ่งตู้อื่นซื้อไม่ได้แต้มนะจ๊ะ